บทนำ
ระบบการซื้อขายที่มีอัตราความสำเร็จสูงนั้นมีอยู่จำนวนไม่มากนัก ถึงแม้ว่าจะมีอยู่จริง แต่ก็จะมีการกำหนดเงื่อนไขที่เข้มงวดจนทำให้โอกาสในการทำการซื้อขายมีน้อย หรืออาจจะต้องลดช่วงระยะเวลาการซื้อขายเพื่อลดอัตราความสำเร็จ แต่พื้นที่ในการทำกำไรก็จะลดลงไปด้วย ซึ่งอาจจะทำให้การขาดทุนครั้งใหญ่สามารถทำให้กำไรหลายครั้งหายไปได้ทั้งหมด
อัตราความสำเร็จทั่วไป
ระบบการซื้อขายหลายๆ ระบบจะมีอัตราความถูกต้องที่ประมาณ 50% ในขณะที่ระบบการซื้อขายที่จับคว้าแนวโน้มใหญ่จะมีโอกาสสำเร็จเพียง 20% เท่านั้น ดังนั้นในเงื่อนไขที่มีอัตราความสำเร็จต่ำเช่นนี้ บทบาทของการหยุดขาดทุนคือการลดความสูญเสียของนักเทรด โดยพยายามที่จะให้ความเสียหายแต่ละครั้งอยู่ในระดับ 10% หรือ 5% และใช้อัตรากำไรที่จับได้ระหว่าง 20-50% มาชดเชย
ความสำคัญของการหยุดขาดทุน
ลองคิดดูว่าหากไม่มีระเบียบที่เข้มงวดในการปฏิบัติตามการหยุดขาดทุนในระบบการซื้อขาย แล้วจะทำให้สามารถดำเนินการต่อไปได้อย่างไร จนกว่าจะสามารถจับคว้าแนวโน้มใหญ่ได้?
องค์ประกอบของระบบการซื้อขาย
นักลงทุนผู้ประสบความสำเร็จทุกคนจะมีระบบการซื้อขายที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง โดยในระบบการซื้อขายจะประกอบด้วยองค์ประกอบหลักๆ ดังนี้:
เลือกตลาดการค้า
อันดับแรกคือการเลือกวัตถุเพื่อการซื้อขาย ในหลายตลาดและหลายประเภท นักลงทุนควรเลือกตลาดไหนและประเภทไหน? และควรให้ความสำคัญในสถานการณ์ใด?
จุดเข้าสู่ตลาด
อันดับที่สองคือจุดที่เข้าตลาด โดยมีเงื่อนไขอะไรบ้างที่ควรเข้าเมื่อถึงจุดไหน
จุดหยุดขาดทุน
อันดับที่สามคือจุดหยุดขาดทุน ว่าต้องลดความเสี่ยงในราคาไหนเมื่อพบว่าการซื้อขายมีความผิดพลาด และต้องยึดตามเงื่อนไขตั้งเดิมในการออกจากตลาด
จุดหยุดทำกำไร
อันดับที่สี่คือจุดหยุดทำกำไร เมื่อได้รับผลกำไร ควรออกจากตลาดที่ราคาใด หรืออาจจะแบ่งการออกเป็นหลายขั้นตอน
การบริหารจัดการเงินทุน
อันดับที่ห้าคือการบริหารจัดการเงินทุน นักลงทุนควรถือครองตำแหน่งทางการค้าเท่าใด ควรเป็นสัดส่วนกี่เปอร์เซ็นต์ของทุนทั้งหมด และควรใช้กลยุทธ์การเข้าซื้อขายแบบแบ่งได้อย่างไร และควรออกจากตลาดอย่างไร รวมถึงกลยุทธ์ในการซื้อคืนที่ตำแหน่งต่ำเพื่อลดต้นทุน และเพิ่มตำแหน่งอย่างไร? หากนักลงทุนได้ศึกษาเกี่ยวกับกลยุทธ์การซื้อขายแล้ว ส่วนใหญ่ก็มีความเข้าใจที่ชัดเจนในจุดสำคัญเหล่านี้
ความคิดเห็นของผู้ใช้
ยังไม่มีความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น